วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

กลับสู่ความเป็นหนุ่มสาวได้ โดยไม่ต้องพึ่งมือหมอ

ร่างกายของคนเราถูกสร้างมาให้สามารถซ่อมแซมตัวเอง และสามารถกลับสู่ความเป็นหนุ่มสาวได้โดยธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องใช้ยาหรือฮอร์โมนเข้ามาซ่อมแซม แต่งเติม คุณก็สามารถมีอายุยืนยาวได้ ด้วยความลับจากตำรับสมุนไพรจีน ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับคุณรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นหนุ่มสาว อีกครั้งแล้ว ยังช่วยชะลอความแก่ และกระตุ้นให้ร่างกายของคุณสร้างพลังงานได้มากขึ้นด้วย

นี่คือ 4 ความลับที่จะช่วยให้คุณคืนสู่ความเป็นหนุ่มสาวอีกครั้ง


1.ใช้ชาเขียวเพื่อสู้กับโรคอัลไซเมอร์
การ คุณดื่มชาเขียว 1 แก้วเป็นประจำทุกเช้าหลังจากตื่นนอน จะทำให้คุณรู้สึกกระชุ่มกระชวยและกระฉับกระเฉงมากขึ้น จากผลการวิจัยระบุว่าชาเขียวมีสรรพคุณช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ และภาวะความเสื่อมถอยของจิตใจ เนื่องจากในชาเขียวอุดมไปด้วยโพลีฟีนอล สารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการเรียนรู้ และ กระบวนการคิดที่หลักแหลม

นอกจากนี้เจ้าโพลีฟีนอลยังมีประโยชน์มหาศาล ต่อระบบสมองมากกว่าชาดำธรรมดาถึง 4 เท่า ซึ่งแม้ผลการศึกษาจะยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่กระบวนการของชาเขียวก็สามารถช่วยเพิ่มความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ได้ อีกหนึ่งคุณประโยชน์ของชาเขียวคือ มันช่วยไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้องได้ด้วย

2.เติมแมกนีเซียมเพิ่มพลัง
โดย ปกติแล้ว คนส่วนใหญ่มักได้รับแมกนีเซียมในปริมาณที่ไม่เพียงพอ ทั้งที่จริงๆแล้วคุณสามารถได้รับแมกนีเซียมจากถั่วและเมล็ดพืช เช่นเมล็ดฟักทอง เมล็ดดอกทานตะวัน อัลมอนด์ ซึ่งเจ้าแมกนีเซียมยังช่วยทำให้หัวใจแข็งแรง ปกป้องผิวของคุณจากการทำลายของแสงยูวี และบรรเทาอาการตะคริวที่กล้ามเนื้อ ซึ่งถ้าหากคุณเลือกที่จะรับประทานแมกนีเซียมในรูปแบบของแคปซูน ก็ต้องได้รับอย่างน้อย 500 มิลลิกรัม



3.กระวานเพิ่ิมความสดชื่น
“กระวาน” เป็นสมุนไพรที่มีมานานแล้วในภูมิภาคเอเชีย โดยคุณสมบัติที่โดดเด่นของมัน คือ การเพิ่มการหมุนเวียน และกระตุ้นการทำงานของกรดในร่างกาย เพื่อให้ร่างกายกระฉับกระเฉง รวมทั้งยังช่วยต้านอาการซึมเศร้าจากภาวะอารมณ่ไม่ปกติอีกด้วย

ด้วย คุณประโยชน์ที่รวมอยู่ในหนึ่งเดียวนี้ ทำให้กระวานเป็นหนึ่งในยาขนานเอกที่แพทย์จีนนิยมสั่งจ่ายในใบสั่งยา ซึ่งโดยปกติเราควรได้รับกระวานในปริมาณ 5 กรัมต่อวัน นอกจากนี้ กระวานยังช่วยลดไข้ ช่วยย่อยอาหารอีกด้วย

4.บรรเทาอาหารตื่นตระหนกด้วยแมกโนเลีย
ชาวอเมริกัน หลายล้านๆคนที่ต้องทนกับประสบการณ์สุดเลวร้าย จากอาการความเครียดเรื้อรัง จนทำให้กลายเป็นคนตื่นตระหนก วิตกกังวล นอนไม่หลับ หงุดหงิดง่าย สมาธิสั้น และในบางรายอาจมีพฤติกรรมการกินที่ผิดแปลกไป ในบางรายที่ไม่ได้รับการตอบสนองในเรื่องการรับประทานอาหารที่ต้องการ คนเหล่านั้นก็จะหันไปตอบสนองความต้องการของตัวเองด้วยการรับประทานไอศครีม คุกกี้ และช็อกโกแลต ซึ่งเมื่อใดที่วความเครียดมีมากและเรื้อรังขึ้น อาการกินมากเกินไปจะติดเป็นนิสัย ซึ่งคุณก็น่าจะเดาได้ว่าผลที่ตามมาคืออะไร



เพื่อ รักษาอาการดังกล่าว ตามตำรับยาจีนแนะนำให้ใช้แมกโนเลีย เพื่อควบคุมความอยากอาหาร และช่วยให้การทำงานของระบบย่อยเป็นปกติมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อลดอาการบวม โดยคุณอาจรับประทานเจ้าแมกโนเลียแบบเปล่าๆ หรือนำไปรับประทานร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น

สำหรับใครที่จะนำตำรับสูตร ยาจีนไปใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อคืนความเป็นหนุ่มสาวให้กับตัวเองอีกครั้งก็ ไม่ห่วง เพราะคุณจะได้รับผลลัพธ์ทน่าประหลาดใจตามมา

ขอบคุณแหล่งที่มา/www.thairath.co.th/


Free Driving Internet Games
Free Printable Travel Games For Kids
Free Solitaire Games Online No Downloads
The Price Is Right Game
Valuable Video Games
Fun Bridal Shower Games
Registration Key For Pc Games
Discount Wii Games
Free Fun Online Games
Addicting Games Com

“โรคหัวใจ” ภัยแฝงที่แถมมากับ “เบาหวาน”

“โรคหัวใจ” ภัยแฝงที่แถมมากับ “เบาหวาน”

Pic_23112

สถานการณ์ โรคหัวใจในประเทศไทยส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากโรคเบาหวาน ซึ่ง 50% ของคนที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบมีอาการป่วยเป็นเบาหวานร่วมด้วย และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในอดีตพบเพียงหลอดเลือดผิดปกติเท่านั้น

ศ.นพ.เกียรติชัย ภูริปัญโญ ผู้ อำนวยการศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลเวชธานี เผยถึงความสัมพันธ์ระหว่างโรคหัวใจกับโรคเบาหวานว่า สำหรับโรคหัวใจและหลอดเลือดมีผลต่อประชาชนชาวไทยในช่วงครึ่งหลังของชีวิต เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่กำลังสร้างสถานภาพทางสังคมและเศรษฐกิจ ในประเทศกำลังพัฒนาจะมีความชุกของปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจและเสียชีวิตด้วยโรค หัวใจและหลอดเลือดสูง

โรคหัวใจส่วนใหญ่เกิดจากอะไร
ก่อนอื่นต้องดูว่าเป็นโรคหัวใจชนิดไหน แต่ที่ถูกกล่าวถึงอยู่บ่อยๆ คือ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากความดันโลหิตสูง พบว่ากลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยงส่วนใหญ่เป็นเพศชายอายุ 40 ปีขึ้นไป และในเพศหญิงคือหลังหมดประจำเดือนไปแล้ว คนที่เป็นโรคอ้วนหรือโรคอ้วนลงพุง คือมีรอบเอวใหญ่กว่ารอบสะโพก ตลอดจนการบริโภคอาหารและการออกกำลังกาย แต่สำหรับในโรคเบาหวานถือว่าเป็นสาเหตุสำคัญในประเทศไทย

ส่วนวิธี ป้องกันนั้นต้องแยกสาเหตุที่เป็นปัจจัยเสี่ยง เพราะบางปัจจัยไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ส่วนใหญ่ คือการปรับพฤติกรรมตัวเอง โดยเริ่มปรับเปลี่ยนตั้งแต่เด็ก คือไม่ให้อ้วนมาก รับประทานขนมหวานให้น้อยลง เปลี่ยนมารับประทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ที่สำคัญคือควรได้รับการตรวจเลือดและตรวจร่างกายตามระยะเวลาที่กำหนด

คนที่เป็นเบาหวาน มักจะเป็นโรคหัวใจด้วยในภายหลัง และสามารถเป็นโรคหัวใจได้เร็วกว่าคนทั่วไปที่ไม่เป็นเบาหวาน เนื่องจากโรคเบาหวานจะทำให้หลอดเลือดเสื่อมลง แต่ก็ต้องดูว่ามีปัจจัยอื่นที่เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เช่น ภาวะโคเลสเตอรอลในเลือดสูง (คนที่เป็นโรคเบาหวานมีแนวโน้มที่จะมีระดับ LDL Cholesterol สูงกว่าคนปกติ) ความดันโลหิตสูง การสูบบุหรี่ ความเครียด อ้วน คนที่มีบุคลิกย้ำคิดย้ำทำ เป็นต้น แต่ปัจจุบันนี้ยังพบสาเหตุใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีก เช่น การติดเชื้อบางชนิดจากการที่มีฟันผุ เหงือกอักเสบ และพบว่าสาเหตุนี้นำไปสู่โรคหลอดเลือดหัวใจเสื่อมมากขึ้น

คนที่เป็นเบาหวานมีโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจมากน้อยแค่ไหน
เพียงแค่ระดับน้ำตาลในเลือดผิดปกติคนทั่วไปก็มีโอกาสเป็นโรคหัวใจได้ ดังนั้นคนที่ป่วยเป็นเบาหวานยิ่งมีโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจสูงมาก ในกรณีของคนที่เป็นเบาหวานเป็นที่ทราบกันดีว่าจะมีอาการทางด้านปลายประสาท อักเสบ ทำให้ความรู้สึกเจ็บปวดลดลงเมื่อโรคหัวใจกำเริบ คืออาการเจ็บหน้าอกหรือแน่นหน้าอก สาเหตุนี้ทำให้ผู้ป่วยเบาหวานไม่รู้ตัวว่าตัวเองมีโรคหัวใจแทรกซ้อนอยู่

ผู้ป่วยเบาหวานจะมีโอกาสเป็นโรคแทรกซ้อนเกี่ยวกับหัวใจมากน้อยแค่ไหน
สำหรับคนที่ป่วยเป็นเบาหวานแล้วเกิดโรคแทรกซ้อน คือโรคหัวใจนั้นอยู่ที่ 50% โดยเฉพาะคนป่วยเป็นเบาหวานมาระยะเวลานาน ยิ่งต้องระวังเพราะมีโอกาสที่จะเป็นโรคหัวใจมาก แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการควบคุมปัจจัยหลายๆ อย่างด้วย
ผู้ที่เป็นเบาหวานหากสงสัยว่าตนจะเป็นโรคหัวใจแฝงอยู่หรือไม่ควรทำอย่างไร



สิ่งแรกควรมาพบแพทย์ เพื่อทำการตรวจร่างกายในขั้นต้นแล้วจึงทำการตรวจกราฟหัวใจ จากนั้นจะทำการประเมินว่ามีอาการอย่างไรบ้าง เป็นที่ทราบกันดีว่าผู้ป่วยเบาหวานมักจะไม่แสดงอาการของโรคหัวใจ ดังนั้นจึงแนะนำว่าคนที่มีปัจจัยเสี่ยงคือทราบว่าตัวเองป่วยเป็นเบาหวาน หรือคนที่มีช่วงอายุเกิน 40 ปีในผู้ชาย และหลังหมดประจำเดือนในผู้หญิงก็ควรได้รับการตรวจเช่นกัน โดยตรวจด้วยวิธีเดินสายพานเพื่อให้ทราบถึงมูลเหตุของโรคหัวใจอย่างชัดเจน และขั้นตอนต่อไปคือการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์เพื่อดูว่าหลอดเลือดหัวใจตีบหรือ ไม่ แต่หากผลการตรวจเดินสายพานบ่งบอกชัดเจนว่ามีเส้นเลือดหัวใจตีบ ก็สามารถข้ามขั้นตอนการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ไปสู่การฉีดสีดูเส้นเลือดหัวใจ โดยตรง โดยการเจาะเข้าเส้นเลือดแดงที่ข้อมือหรือขา เพื่อสอดสายสวนขึ้นไปสู่เส้นเลือดหัวใจแล้วจึงฉีดสี วิธีนี้จะทำให้ทราบผลอย่างแน่นอน

การรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจที่เป็นโรคเบาหวานกับไม่เป็น แตกต่างกันอย่างไร
การรักษาแตกต่างกันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะผู้ที่ป่วยเป็นเบาหวานเพียงแค่มีอาการแน่นหน้าอกและเหนื่อยง่ายให้ วิเคราะห์ได้เลยว่ามีโอกาสเป็นเส้นเลือดหัวใจตีบสูง ต่างจากคนทั่วไป ไม่ว่าจะในวัย 40 ปีขึ้นไปสำหรับผู้ชาย หรือวัยหมดประจำเดือนในผู้หญิง ซึ่งบางทีอาจจะไม่มีอาการของเบาหวานเพียงเข้ารับการตรวจเล็กน้อย

สำหรับการรักษานั้นผู้ป่วยเป็นเบาหวานจะรักษายากกว่า เนื่องจากการรักษาโรคหัวใจนั้นต้องควบคุมเบาหวาน ควบคุมไขมัน และควบคุมความดัน โดยในการควบคุมไขมันและความดันนั้นทำได้ไม่ยาก เพราะตัวยาที่ใช้ให้ผลดีกับการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทั้งสองอย่าง ตรงกันข้ามกับเบาหวานที่ควบคุมยาก เพราะนอกจากจะรักษาด้วยยาแล้วต้องได้รับความร่วมมือกับผู้ป่วยที่เป็นเบา หวานด้วยจึงจะได้ผล และกรณีที่คนป่วยเป็นเบาหวานเกิดหลอดเลือดตีบรักษาด้วยการทำบอลลูน โดยการใส่ขดลวดเข้าไปแล้ว พบว่าโอกาสที่หลอดเลือดจะกลับมาตีบซ้ำ มีความเป็นไปได้สูงกว่าคนปกติทั่วไปถึง 10% ถ้าผู้ป่วยเป็นเบาหวานคุมเบาหวานไม่ดี เห็นชัดเจนเลยว่าการรักษาค่อนข้างจะยากกว่า และอีกหนึ่งกรณีคือลักษณะเส้นเลือดของคนที่เป็นโรคหัวใจที่ป่วยเป็นเบาหวาน จะมีลักษณะขรุขระมากกว่าคนปกติทั่วไป ทำให้การรักษาด้วยการทำบอลลูนต้องใช้ขดลวดหลายอันและในบางจุดก็ไม่สามารถใส่ ได้ จึงถือว่าเป็นการยากมากสำหรับการรักษาโรคหัวใจในผู้ป่วยเบาหวาน

ผู้ป่วยเบาหวานจะสามารถป้องกันตนเองจากโรคแทรกซ้อนเกี่ยวกับหัวใจได้หรือไม่

ป้องกันได้โดยการควบคุมเบาหวานให้ดีที่สุด ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เช่น ควรวางแผนเรื่องอาหาร การออกกำลังกาย การับประทานยาเพื่อควบคุมระดับน้ำตาล การตรวจระดับน้ำตาลเพื่อติดตามและควบคุมระดับน้ำตาลอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนทราบถึงปัจจัยเสี่ยงและการป้องกันรวมทั้งอาการของโรคหลอดเลือดหัวใจ ตีบ
โอกาสเสี่ยงของผู้ป่วยเบาหวานที่จะเป็นโรคหัวใจถือว่ามีความเสี่ยงสูงมาก ดังนั้นควรควบคุมเบาหวานให้ดีที่สุด รวมถึงต้องควบคุมปัจจัยเสี่ยงปรับปรุงเรื่องพฤติกรรมเรื่องอาหารการกิน การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนมีการพักผ่อนที่เพียงพอ ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้มากจนเกินไปและที่สำคัญต้องเชื่อฟังคำแนะนำ รวมถึงปฏิบัติตามแพทย์สั่งการรักษาจึงจะได้ผลดี


ขอบคุณแหล่งที่มา/www.thairath.co.th/



Arcade Games Donkey Kong
Freeware Games
Computer Games
Free Online Adventure Single Player Rpg Games
Free Action Games Download
Play Millionaire Game On Internet
Free Online Game Sites
Online Hidden Object Games
Free Games Download
Java Mobile Games

นายจ๋า...ผมลาก่อน

เส้นผมแต่ละเส้นงอกมาจากเซลล์ในชั้นหนังแท้ ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นเซลล์ผลิตเส้นผม ซึ่งเมื่อแบ่งตัวมากขึ้น จะดันเซลล์เหล่านี้ขึ้นไปทางข้างบนจนอยู่เหนือผิวหนัง เซลล์ผมที่ถูกผลักขึ้นมาเรื่อยๆ จะค่อยๆตาย ขณะเดียวกันก็ผลิตสารเคอราตินพอกพูนขึ้น สารเคอราตินเรียงตัวเป็นเส้นขนาน เมื่อถูกผลักให้สูงขึ้นๆ จะมีการเรียงตัวแบ่งออกเป็น 3 ชั้น คือ ชั้นแกนกลาง ชั้นนอก และชั้นผิวนอกสุด

เส้นผมเปรียบเสมือนแขนขาของผิวหนัง เส้นผมและขนในแต่ละส่วนของร่างกายคนเราไม่เหมือนกัน คนเรามีขนหลายชนิด ภาษาไทยเรียกขนบนหัวว่า "ผม" แต่ขนที่บริเวณอื่น จะเรียกว่า "ขน" ขณะ ที่ในภาษาอังกฤษเรียกว่า "hair" หมด หน้าที่หลักของเส้นผม คือ ป้องกันผิวหนังหรือศีรษะไม่ให้เสียความร้อนมากเกินไป ปกติหนังศีรษะของคนเรามีเลือดมาเลี้ยงมาก และทำหน้าที่ควบคุมการกระจายความร้อนของร่างกาย

การเจริญเติบโตของเส้นผม
เส้น ผมแต่ละเส้นมีการเจริญเติบโตเป็น 3 ระยะได้แก่ ระยะเจริญงอกงาม ระยะหยุดงอก และระยะพักเส้นผมบนหนังศีรษะยาวประมาณเดือนละ 1 ซม. โดยระยะเจริญงอกงาม จะมีระยะเวลายาวนานประมาณ 3 ปี หรืออาจถึง 7 ปี เช่น ในเด็ก โดยเฉลี่ยเส้นผมใช้เวลาในการเจริญเติบโตทั้งสิ้น 5 ปี เมื่อคนเราอายุมากขึ้น ระยะเจริญงอกงามนี้จะสั้นลงๆ คนที่ไม่ตัดผมเลยตลอดชีวิต จะมีผมยาวประมาณ 36 ซม.



เมื่อ สิ้นสุดระยะเจริญงอกงาม ก็จะเข้าสู่ระยะหยุดงอก ในระยะนี้เซลล์ในชั้นหนังแท้จะแยกออกมา ทำให้เส้นผมขาดอาหารมาเลี้ยง ระยะนี้พบว่าต่อมผมจะหดเล็กลง และหยุดทำงานนานประมาณ 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่ระยะพัก ซึ่งกินเวลาประมาณ 3 เดือน เส้นผมเส้นนั้นจึงหลุดร่วงไป เส้นผมเส้นใหม่ขึ้นมาแทนที่

ปริมาณเส้นผมบนหนังศีรษะ

บนหนังศีรษะมี เส้นผมรวมทั้งสิ้นประมาณ 120,000 เส้น ผมสีบลอนด์จะมีเส้นผมมากกว่าสีอื่น โดยมีประมาณ 140,000 เส้น ผมสีเข้มมีประมาณ 105,000 เส้น ในขณะที่ผมสีแดงจะมีประมาณ 90,000 เส้น นอกจากเส้นผมบนหลังศีรษะแล้ว ทั่วร่างกายมีขนและผมรวมทั้งสิ้น 5 ล้านเส้น ในร่างกายของคนเรา ส่วนที่ไม่มีผมและขนเลย คือ ริมฝีปาก ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ทั้งนี้พบว่าในแต่ละวันเส้นผมหลุดร่วงจากหนังศีรษะไม่เกิน 100 เส้น

ปัจจัยที่ทำให้ผมร่วง

  • อายุ พบว่าเมื่ออายุมากขึ้น การเจริญเติบโตของเส้นผมจะโตช้าลง
  • พันธุ กรรม ปัจจุบันพบว่าปัจจัยทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องค่อนข้างซับซ้อนกว่าที่เคย เข้าใจกับ การแสดงออกของยีนเกิดขึ้นทั้งจากที่ถ่ายทอดมาจากพ่อและแม่ รวมทั้งค้นพบว่ายีนที่เกี่ยวข้องมีมากกว่า 6 ชนิด
  • ฮอร์โมนเพศชาย

ผมร่วงจากฮอร์โมนแอนโดรเจน ผมร่วงชนิดที่พบบ่อยที่สุดเกิดจากพันธุกรรมผมร่วงชนิดที่เป็นผลจากฮอร์โมนเพศชายที่มีชื่อเรียกว่า แอนโดรเจน ทั้งนี้พบว่าระดับของฮอร์โมนแอนโดรเจนในร่างกายที่สูงทำให้ผมร่วง ผู้หญิงก็มีฮอร์โมนแอนโดรเจนเช่นกัน ดังนั้นทั้งผู้ชาย และผู้หญิงจึงเกิดปัญหาผมร่วงจากฮอร์โมนแอนโดรเจนได้ทั้งสองเพศ

ผมร่วงจากยาเคมีบำบัด ผม ร่วงที่เป็นผลจากการรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีเคมีบำบัดเป็นสิ่งที่พบเห็นและ ทราบกันดี แม้ว่าไม่ได้เกิดขึ้นกับยาเคมีบำบัดทุกชนิดแต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะหลีกเลี่ยง ได้ยาก นอกจากยาเคมีบำบัดยังมียาอื่นที่ทำให้ผลร่วงได้เหมือนกัน เช่น ยารักษาโรคเก๊าต์ ยาต้านอาการซึมเศร้า ยาลดความดันโลหิต และยาโรคหัวใจบางชนิด การใช้วิตามินเอในขนาดสูงก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมร่วงได้มากและมักจะดีขึ้น เมื่อหยุดยาแล้ว

ผมร่วงขณะตั้งครรภ์
ในเพศหญิงขณะตั้งครรภ์หรือผู้ที่กินยาเม็ดคุมกำเนิดมาเป็นเวลานานอาจเกิด อาการผมร่วงได้ซึ่งจะหายเป็นปกติหลังเลิกกินยาเม็ดคุมกำเนิดหรือหลังคลอด บุตรประมาณ 4-6 เดือน

ผมร่วงจากโรคภัยไข้เจ็บ
สาเหตุของผมร่วงที่เกิดจากโรคภัยไข้เจ็บเป็นสิ่งที่ต้องนึกถึงเสมอ โรคที่พบได้บ่อยๆ ในเวชปฏิบัติที่เป็นสาเหตุของอาการผมร่วง ได้แก่ โรคของต่อมไทรอยด์ โรคลูปุส โรคเบาหวาน โรคติดเชื้อราที่หนังศีรษะ อีกภาวะที่ต้องนึกถึงเสมอ คือ ภาวะขาดธาตุเหล็ก ซึ่งพบได้ในผู้หญิงที่เสียเลือดจากการมีประจำเดือนครั้งละมากๆ ภาวะขาดโปรตีนในร่างกาย รวมทั้งโรคเรื้อรังทั้งหลายเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมร่วงได้

การรักษา

  1. การรักษาผมร่วงขึ้นกับสาเหตุเป็นสำคัญ
  2. การใช้ยาทา minoxidil วันละสองครั้งช่วยเพิ่มเลือดไหลเวียนไปที่บริเวณรากผมและโคนเส้นผม
  3. ยา ต้านฤทธิ์ฮอร์โมนแอนโดรเจนชื่อ finasteride ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายและจากการศึกษาวิจัยพบว่าได้ผลในการรักษาพอสมควร ข้อควรระวังที่สำคัญที่สุดคือยานี้ทำให้ทารกในครรภ์พิการได้ ห้ามใช้ในผู้หญิงตั้งครรภ์อย่างเด็ดขาด
ในกรณีผมร่วงเป็นหย่อมๆ แพทย์อาจพิจารณาฉีดยาสเตียรอยด์เฉพาะที่เพื่อรักษาอาการดังกล่าว หรือพิจารณาใช้ยาแอนทราลินชนิดทา หรือทาร์ชนิดทา ช่วยในการรักษาเพิ่มเติม ซึ่งในปัจจุบันมีเทคโนโลยีในการผ่าตัดปลูกเส้นผมจริง เพื่อช่วยขจัดปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านได้

ขอบคุณแหล่งที่มา/www.thairath.co.th/


Free Romantic Games Download
Latest Free Mobile Games
My Fashion Dress Up Games
Word Games To Print
All Nintendo Ds Games
Kids Printable Travel Games
The Maze Game
Downloadable Ipod Games
Free Games For My Mobile Phone
Best Arcade Games To Play Free

“นอนกรน” หลับลึกหรือหลับร้าย?

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีอาการเหล่านี้

  • รู้สึกนอนไม่อิ่ม นอนไม่เพียงพอหรืออ่อนเพลีย แม้ว่าจะนอนในชั่วโมงที่เพียงพอแล้วก็ตาม
  • รู้สึกง่วงนอนในเวลาที่ไม่ควรง่วง เช่น นั่งสัปหงกในที่ทำงาน หรือในระหว่างขับรถ
  • ตื่นขึ้นมาตอนเช้าไม่สดชื่นทั้งที่นอนเต็มที่ หรือมีอาการปวดศีรษะร่วมด้วย
  • หงุดหงิด อารมณ์เสียง่ายกว่าปกติ รู้สึกว่าการจดจำลดลง
  • หรือถ้าเป็นเด็ก ก็มักจะนอนซักพักแล้วสะดุ้งตื่น นอนกระสับกระส่าย ปัสสาวะรดที่นอน หรืออาจมีปัญหาการเรียน

ภาวะนอนกรน ไม่ได้สร้างปัญหาแค่เสียงรบกวนอันน่ารำคาญเท่านั้น แต่อันตรายจากการนอนกรนอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

ผลกระทบจากการนอนกรน
ซึ่งทำให้ผู้ป่วยหยุดหายใจบางขณะ สร้างปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพและการดำเนินชีวิตประจำวันมากมาย เช่น ง่วงในเวลากลางวัน สมาธิสั้น อ่อนเพลียเรื้อรัง หงุดหงิดอารมณ์เสีย ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ผู้ที่นอนกรนยังมีโอกาสเสี่ยงในการเป็นหลอดเลือดสมองแตก สมองเสื่อม โรคหัวใจขาดเลือด โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หย่อนสมรรถภาพทางเพศ และส่งผลต่อความสามารถในการจดจำและการใช้ความคิดอีกด้วย นอกจากนี้ ผู้ที่กรนเสียงดังๆ ยังรบกวนคู่นอนทำให้นอนไม่หลับได้

นอนกรนแบบไหนที่อาจอันตรายถึงชีวิต

การนอนกรนที่มีภาวะการหายใจที่ผิดปกติและหยุดหายใจขณะหลับ จะเป็นอันตรายต่อร่างกายผู้ป่วยมาก ซึ่งผู้ป่วยที่มีทางเดินหายใจแคบมากในเวลาหลับ เมื่อยังหลับไม่สนิทจะมีเสียงกรนที่สม่ำเสมอ แต่เมื่อหลับสนิทจะเกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจ มีเสียงกรนที่ติดสะดุดไม่สม่ำเสมอ โดยจะมีช่วงกรนเสียงดัง-ค่อยสลับกันเป็นช่วงๆ และจะกรนดังขึ้นเรื่อยๆ โดยมีช่วงหยุดกรนไปชั่วระยะหนึ่ง ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดการหยุดหายใจ ผู้ป่วยจะมีอาการหายใจติดขัดเหมือนคนสำลักน้ำ และจะทำให้ระดับออกซิเจนในเลือดลดลง เป็นผลให้ขาดออกซิเจนไปเลี้ยงสมองระหว่างนั้นอาจทำให้เซลล์สมองเสื่อมได้


การตรวจการนอนกรนทำได้อย่างไร



1. ตรวจร่างกายโดยแพทย์ แพทย์จะตรวจร่างกายอย่างละเอียดทางหู คอ จมูก เพราะสาเหตุเริ่มต้นอาจพบความผิดปกติตั้งแต่จมูก โพรงจมูก หลังโพรงจมูก บริเวณเพดานอ่อน ช่องปาก ต่อมทอนซิล โคนลิ้น เป็นต้น
2. ตรวจพิเศษในท่านอน โดยกล้องส่องตรวจหลอดลมชนิดอ่อนตัวได้ (Flexible fiberoptic laryngoscope) บริเวณโพรงหลังจมูก ตำแหน่งเพดานอ่อนและโคนลิ้น (เฉพาะคนไข้บางราย)
3. ตรวจด้วยการเอกซเรย์ เพื่อหาตำแหน่งที่ตีบแคบของทางเดินหายใจส่วนบน



4. การตรวจความผิดปกติจากการนอน (Polysomnography : PSG / Sleep Lab)เป็นการตรวจการหายใจที่สัมพันธ์กับการทำงานของหัวใจและสมองขณะหลับ การตรวจการนอนหลับนี้ประกอบด้วย
- การตรวจวัดคลื่นสมอง เพื่อวัดระดับความลึกของการนอนหลับ และการตรวจวัดการทำงานของกล้ามเนื้อขณะหลับ หลับได้สนิทมากน้อยแค่ไหน ประสิทธิภาพการนอนดีเพียงใด ในบางคนที่มีลมชักขณะหลับ
- การตรวจดูการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะหลับ เพื่อดูว่าหัวใจมีการเต้นผิดจังหวะ ที่อาจมีอันตรายได้หรือไม่ มากน้อยเพียงใด
-การตรวจวัดความอิ่มตัวของระดับออกซิเจนในเลือดแดงขณะหลับ เพื่อตรวจดูว่าร่างกาย มีการขาดออกซิเจนหรือไม่ในขณะหลับ แล้วหยุดหายใจหรือหายใจเบา
- การตรวจวัดลมหายใจ ที่ผ่านเข้าออกทางจมูกและปาก และการตรวจวัดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อทรวงอกและกล้ามเนื้อหน้าท้องที่ใน การหายใจ ดูว่ามีการหยุดหายใจหรือเปล่า เป็นชนิดไหน ผิดปกติมากน้อยหรืออันตรายแค่ไหน
- ตรวจวัดการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อทรวงอก และกล้ามเนื้อหน้าท้อง ที่ใช้ในการหายใจ
- ตรวจเสียงกรน ดูว่ากรนจริงหรือไม่ กรนดังค่อยแค่ไหน กรนตลอดเวลาหรือไม่ กรนขณะนอนท่าไหน
- การตรวจท่านอน ในแต่ละท่านอนมีการกรนหรือการหายใจผิดปกติแตกต่างกันอย่างไร



การรักษาภาวะนอนกรน

เป็นความเข้าใจผิดที่คนส่วนใหญ่คิดว่าการนอนกรนเป็นเรื่องทั่วๆ ไปที่ไม่จำเป็นต้องรักษา แต่ความจริงแล้วการนอนกรนเป็นเรื่องที่ควรเอาใจใส่ และควรเข้ารับการตรวจรักษาหากมีอาการรุนแรง โดยเบื้องต้นผู้ป่วยสามารถปฏิบัติได้ด้วยตนเองเพื่อบรรเทาอาการ เช่น ควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกินเกณฑ์ ออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายและกล้ามเนื้อแข็งแรง หลีกเลี่ยงการนอนหงายโดยพยายามนอนในท่าตะแคงข้างและนอนศีรษะสูงเล็กน้อย หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือยานอนหลับ หรือยากล่อมประสาทก่อนนอน กรณีที่เป็นการนอนกรนชนิดอันตรายที่มีการหยุดหายใจร่วมด้วย ควรเข้าพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อรับการรักษาโดยแพทย์อาจเลือกใช้เครื่องช่วย หายใจ Nasal CPAP ซึ่งเป็นเครื่องครอบจมูกขณะหลับ เพื่อช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น วิธีนี้ปลอดภัย และได้ผลดีในผู้ป่วยเกือบทุกราย หรือแพทย์อาจรักษาโดยวิธี Somnoplasty คือการจี้กระตุ้นให้เพดานอ่อนหดตัวลง โคนลิ้นหดตัวลง หรืออาจตัดสินใจใช้วิธีการผ่าตัดเอาส่วนที่ยืดยานออก ซึ่งการจะพิจารณาเลือกรักษาโดยวิธีใดนั้น ก็ขึ้นกับความเหมาะสมในแต่ละกรณีไป


ขอบคุณแหล่งที่มา/www.thairath.co.th/



Printable Party Games
Watch Ncaa Games Online
Free Online Games Play
Fighting Games
Online Board Games
Zoog Disney Games
Free Online Puzzle Games
Download Fighting Games
Car Racing Games
Who Invented The Game Of Baseball

เลี้ยงลูกแบบคุณพ่อมือโปร แนะอาหารเสริมภูมิคุ้มกันมีส่วนสำคัญ

ทั้งนี้แม้ไม่อาจป้องกันได้ 100% แต่อย่างน้อยก็สามารถช่วยป้องกันภูมิคุ้มกันโรคได้...

ปัจจุบัน เด็กไทยเป็นโรคภูมิแพ้มากขึ้น สาเหตุหนึ่งมาจากการที่สภาวะแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป มีมลพิษทางอากาศมากขึ้น หากเด็กๆไม่แข็งแรงพอก็จะทำให้ป่วยได้ ภายในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ "สูตร 4 ๚ ดีเอชเอ และทริปเปิล เฮลธิการ์ด" ของผลิตภัณฑ์ นมผงเอนฟา เอพลัส ทริปเปิล ได้มีการเสวนาให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันแก่เด็ก โดย รศ. พญ.พรรณิภา ฉัตรชาตรี หัวหน้าหน่วยโรคภูมิแพ้ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ Funarium สุขุมวิท 28 เมื่อเร็วๆนี้

คุณ หมอพรรณิภา ได้กล่าวว่า ตอนนี้ได้มีการแพร่ระบาดของไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่ยังไม่มีวัคซีนที่ป้องกันได้ ดังนั้นวิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ การสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กๆ เพราะหากดูแลสุขภาพร่างกายของเด็กให้แข็งแรงแล้ว ความเสี่ยงย่อมมีน้อยลง คุณพ่อคุณแม่ก็ควรป้องกันความเสี่ยงให้ลูกน้อยด้วยการหลีกเลี่ยงการสัมผัส เชื้อโรค เช่น หลีกเลี่ยงการไปในสถานที่แออัด หรืออยู่ใกล้ กับผู้มีอาการไอ จาม หรือเป็นหวัด หมั่นล้างมือให้ลูกรวมถึงตัวคุณพ่อคุณแม่เองด้วย ที่ต้องล้างมือบ่อยๆด้วยน้ำสบู่ ใส่หน้ากากป้องกันเชื้อโรค และที่สำคัญควรให้เด็กทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับ เด็ก


****************รศ.พญ.พรรณทิภา

สำหรับอาหารที่จำเป็นสำหรับการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันนั้น คุณหมอพรรณิภาบอกว่า ได้แก่ ดีเอชเอ ที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันทางเดินหายใจ เพราะเป็นด่านแรกของการสัมผัสเชื้อโรค สารต้านอนุมูลอิสระทำหน้าที่สร้างเซลล์ ภูมิคุ้มกัน หรือรับประทานอาหารเสริมที่มีใยอาหารที่ช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของ ระบบทางเดินอาหาร เพื่อเป็นเกราะป้องกันการติดเชื้อโดยง่าย

นอก จากนี้ คุณหมอพรรณิภายังแนะนำอีกว่า ในเด็กวัยแรกเกิดถึง 3 ขวบนั้น เป็นช่วงเวลาที่สำคัญของการเรียนรู้ ดังนั้น การมีภูมิป้องกันที่ดีนั้นสำคัญมาก เพราะเด็กที่ไม่สบายบ่อยๆ ทำให้การเจริญเติบโตทางด้านร่างกายช้าลง ส่วนทางด้านจิตใจเด็กที่ไม่สบายเพราะขาดภูมิต้านทาน อาจจะไม่ยอมไปโรงเรียน ขาดทักษะการเข้าสังคม เกิดความเครียดที่เรียกว่า Psychological Depression ทำให้มีการพัฒนาที่ถดถอยและจะเสียโอกาสในการเรียนรู้



สำหรับ คุณพ่อลูกสอง ปิ๊บ-รวิชญ์ เทิดวงส์ ได้เผยเคล็ดลับในการเลี้ยงลูกแบบมือโปรว่า น้องพิพู-ธรณ์ธันย์ ลูกชายคนโต ตอนนี้อายุ 3 ขวบแล้ว เขาชอบทำกิจกรรม outdoor มาก จะเล่นกีฬาทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอล บาสเกตบอล กอล์ฟ หรือขี่จักรยาน เป็นเด็กที่ควบคุมการทำงานของมือและเท้าได้ดีมาก และเรียนรู้ เร็ว นอกจากนี้ ยังสนใจเกี่ยวกับธรรมชาติ เช่น พวกแมลง สัตว์ต่างๆ ดอกไม้ในสวนจะคอยถามว่าคืออะไร และชอบสำรวจโลกด้วยตัวเอง การที่ลูกชอบเล่นแบบนี้ทำให้ตนและภรรยาต้องให้ความสำคัญในการเลือกอาหารที่ จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน นอกจากจะเลือกอาหารให้ครบ 5 หมู่แล้วยังจะพิถีพิถันในเรื่องการปรุงอาหารด้วย เช่น ถ้าเป็นพวกเนื้อสัตว์ก็จะเลือกใช้ปลาทะเลน้ำลึกที่มีไขมันน้อยแต่ให้โปรตีน สูงและมีกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งมี DHA สูง เพราะมีประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของเด็ก.

ขอบคุณแหล่งที่มา/www.thairath.co.th/

Board Games Old
Dress Up Doll Games
Fashion Games For Free
Free Dora The Explorer Web Games
Free Kids Superman Games
Free Online Typing Games
In Home Show Party Games
Play Dora The Explorer Games
Play Fighting Games
Playable Dating Simulation Games

Thank you

asaneeshow